วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์การเป็นพ่อแม่

 ข่าวมาแรงติดอันดับเกือบ 1 เดือนเต็มๆ ของประเทศไทยของเรา คงไม่พ้นข่าว "คุณฟิล์ม และคุณแอนนี่" จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครทราบว่าลูกที่เกิดขึ้นเป็นลูกของคุณฟิล์ม จริงหรือไม่ และได้มีการเรียกร้องในตรวจ DNA แล้วการตรวจ DNA มันจะพิสูจน์การเป็นพ่อแม่ได้อย่างไรกันล่ะ ? 
 

ดีเอ็นเอ (DNA) เป็นชื่อย่อของสารพันธุกรรม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า กรดดีออกซีไรโบนิวคลีอิก (Deoxyribonucleic acid) ซึ่งเป็นกรดนิวคลีอิก (กรดที่พบในใจกลางของเซลล์ทุกชนิด) ที่พบในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ได้แก่ คน, สัตว์, พืช, เชื้อรา, แบคทีเรีย, ไวรัส  เป็นต้น ดีเอ็นเอบรรจุข้อมูลทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นไว้ ซึ่งมีลักษณะที่ผสมผสานมาจากสิ่งมีชีวิตรุ่นก่อน ซึ่งก็คือ พ่อและแม่ และสามารถถ่ายทอดไปยังสิ่งมีชีวิตรุ่นถัดไป ซึ่งก็คือ ลูกหลาน เพราะฉะนั้น ลูก จะได้รับการถ่ายทอด DNA ครึ่งหนึ่งมาจากพ่อ และอีกครึ่งหนึ่งจากแม่

 PCR 
(Fig. from>>http://nobelprize.org/nobel_prizes/chemistry/laureates/1993/illpres/pcr.html )

การตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ เราอาจเรียกชื่อภาษาอังกฤษว่า DNA paternity testing โดยทั่วไปจะมี 2 วิธีหลักคือ Polymerase chain reaction (PCR) และ Restriction fragment length polymorphism (RFLP)

 RFLP
(Fig. from>>http://science.howstuffworks.com/dna-profiling.htm/printable)

ทั้งสองเทคนิคใช้วิธีการแยกลำดับดีเอ็นเอที่แตกต่างกัน และบันทึกไว้ในแบบที่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งเทคนิค RFLP จะสามารถแสดงผลได้ชัดเจนกว่า เทคนิค PCR แต่ว่าต้องใช้จำนวนตัวอย่างมากกว่า และใช้ระยะเวลานานกว่ามาก ซึ่งเทคนิค RFLP ใช้ตัวอย่างถึง 20–50 นาโนกรัม และใช้ระยะเวลานานหลายสัปดาห์ เทคนิคนี้จะให้แผนที่ DNA ขึ้นมาคล้ายบาร์โค๊ดในขณะที่เทคนิค PCR ใช้ ตัวอย่างเพียง 2 นาโนกรัม และใช้ระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ใช้กันทั่วไปเพราะสามารถทำเป็นเครื่องตรวจวิเคราะห์ DNA อัตโนมัติได้  ทั้งนี้การกำหนดว่าจะใช้เทคนิคใดขึ้นอยู่กับตัวอย่างที่ได้มา ถ้าหากเป็นตัวอย่างที่คุณภาพดีและใหม่ ผู้วิจัยมักจะใช้เทคนิค RFLP ซึ่งจะได้ผลที่ชัดเจนแน่นอนกว่า Ref>> http://nampadlab.igetweb.com/index.php?mo=14&newsid=79430